วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การบำบัดของคนอกหัก

การบำบัด
1. ใช้เวลาของคุณให้เพลิดเพลินไปกับการ Shopping หาสถานที่ซึ่งคุณสามารถจะซื้อข้าวของเพื่อมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิม คุณอาจจะหาเพื่อนไปด้วยสักคนหรือสองคน เพื่อให้ช่วยกันออกความเห็นในการสร้างบุคลิกใหม่ ที่น่าดึงดูดใจให้กับคุณได้ด้วย งานนี้ต้องลงทุนกันหน่อย

2. เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ออกไปจากสถานที่เก่า ๆ นี้ซะ บางคนอาจจะถือโอกาสลาพักร้อนไปพักผ่อนไกล ๆ จะได้ไม่ต้องมานึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ในสถานที่เดิม ๆ อีก แต่อย่าลืมชวนเพื่อนสนิทของคุณไปด้วยละ

3. ไปออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ อย่างน้อย ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะถือเป็นงานอดิเรกใหม่ ๆ หรือการเล่นกีฬาอะไรเป็นประจำ เช่นตีแบต ตีกอล์ฟ เล่นกีฬา ทางน้ำ หรือบางคนอาจจะไปชกมวยเลยก็ได้ โอกาสนี้ ยังอาจทำให้คุณได้พบเพื่อน (ชาย) ใหม่ ๆ ด้วย

4. ตามใจตัวเอง ด้วยการไปอบไอน้ำ นอนแช่อ่างจากุชี่ อย่าไปคิดว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องเสียเวลา เพราะอย่างน้อย มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัว และมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

5. ถ้าคุณอยากร้องไห้ ก็ร้องไปให้เต็มที่เลย คุณอาจจะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ขึ้นมาสักงานหนึ่ง เพื่อที่จะสลัดความ น่าสงสารของคุณออกไป และถ้าคุณเกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาในระหว่างนั้นละก็ ร้องให้เต็มที่เลย ซื่อสัตย์กับตัวเอง

เชื่อเถอะ หลังจากนั้น คุณจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะนึกขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น

6. จดจำความรู้สึกที่เลวร้าย ไม่ใช่นั่งคิดถึงเรื่องโรแมนติกของคนที่ตีจากคุณไป โดยคุณอาจจะนั่งลิสต์รายการ ออกมาเลยก็ได้ว่า คนรักเก่าของคุณ ได้กระทำอะไรที่ไม่น่ารักลงไปบ้าง แล้วรวบรวมมันออกมาเป็นเหตุผล ที่คุณจะบอกกบตัวเองได้ว่า นี่แหละ ทำให้ฉันไม่มีวันกลับไปนึกถึงคน ๆ นี้อีก

7. ทิ้ง อะไรๆ ที่เป็นอนุสรณ์ของความรักเก่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย จดหมายรัก หรือตั๋วชมคอนเสิร์ตอันแสนโรแมนติก ทำลายมันซะให้หมด จะได้ไม่ต้องหยิบมาดูให้ช้ำใจอีกต่อไป

8. หยุดการออก Date ไว้ชั่วคราว ทำตัวเองให้ปลอดความเคยชินกับการไปไหนมาไหนเป็นคู่สักพักหนึ่ง คุณอาจจะแพคกระเป๋าใส่หลัง แล้วไปหากิจกรรมอื่น ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ใส่ความรู้สึกที่ว่า ไม่มีอะไรจะ มาหยุดคุณได้ หรือใครใจกล้า ๆ อาจจะไป Bungee Jump ดูบ้างก็ได้

9. อย่าไปคิดว่าช๊อกโกแล็ต เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรัก ถ้าคุณคิดจะรับประทานมันเข้าไป ก็ให้คิดซะว่ามันเป็นขนมแสนอร่อย คุณอาจจะลองตามใจตัวเองในเรื่องของอาหารการกินบ้างก็ได้ เช่นเมื่อรับประทานอาหารมือค่ำแล้ว อาจจะตามด้วยของหวานที่คุณโปรดปราน เพราะตอนนี้ไม่มีใครจะมาคอยห้ามคุณแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่อง
ไขมันส่วนเกินเอาไว้บ้างนะ

10. ออกไปเต้นรำให้สุดเหวี่ยง โชว์ลีลานักเต้นคุณออกมาให้เต็มที่ อาจจะช่วยปลดปล่อยคามรู้สึกเศร้าสูญเสีย ของคุณลงไปได้บ้าง หรือคุณอาจจะลองไปเต้นรำในบรรยากาศแบบแปลก ๆ อย่างคาวบอยดูบ้างก็ไม่เลวทีเดียว

11. หาเวลาออกไปเที่ยวนอกเมือง โดยคุณอาจจะหาเพื่อนทั้งชายทั้งหญิงกลุ่มใหญ่ไปด้วยกันสักกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

12. เมื่อคุณปรับเปลี่ยนบรรยากาศมาจนพอสมควรแล้ว ก็ต้องกลับมาเผชิญความจริง โดยคราวนี้ คุณอาจจะ พร้อมแล้วสำหรับการออก Date ครั้งใหม่ แต่ก็อย่าลืมใช้เวลาในการเรียนรู้กันให้มากก่อนที่จะไปปักใจรักเขาเขา เหมือนกับคนที่แล้วล่ะ

13. หาความรู้ที่สูงขึ้นมาใส่ตัว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น โดยอาจจะไปสมัครเรียน ถ่ายภาพ ปีนเขา หรือเข้าอบรมคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ทำตัวของคุณเองให้ยุ่ง ๆ เข้าไว้ และอีกอย่างหนึ่ง อาจจะ มีใครดี ๆ ที่คุณจะได้พบในระหว่างการไปเรียนรู้หรือเข้ารับการอบรมนี้ก็ได้

14. หาสัตว์เลี้ยงที่มีความซื้อสัตย์กับคุณมาเลี้ยง ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว

15. อย่าลืมว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่างที่ฝรั่งเขาชอบพูดว่า  "There''''''''s plenty of fish in the sea"    คนไทยว่า "อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็น"

+++++ความรัก+++++

ความรัก
การเดินทางของชายนักเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เขาผ่านมายังดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ณ ดินแดนนี้ทำให้เขาสะดุดกับสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก”
ความรักนั้นทำให้ชายนักเดินทางเริ่มจิตใจไขว้เขว และไม่อยากจะเดินทางต่อ อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเธอคนนั้นตลอดไป
โดยที่ลืมนึกถึงข้อเตือนใจที่ว่า ผู้หญิงคือ ๑ ใน ๔ ของสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด

“คุณอยู่กับฉันที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรือ…” ฝ่ายหญิงเป็นผู้เริ่มสนทนาก่อน ทำให้ชายนักเดินทางรู้สึกลังเล
“ผมเป็นนักเดินทาง ผมต้องเดินทางไปยังที่ที่เรียกว่า นิพพาน” ชายนักเดินทางตอบ
“นิพพานสำคัญ ขนาดนั้นเชียวหรือ…แล้วนิพพานนั้นอยู่ตรงไหนกัน มันเป็นอย่างไรกัน” เธอค้อนถาม
“ผม ผม…ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ ๆ ผมรู้แต่ว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ต้องเดินต่อไปครับ”
“งั้น…ให้ฉันไปด้วยได้ไหม ไปอยู่ด้วยกัน ยังที่ ๆ นิพพาน เราจะได้ไม่ต้องจากกัน” เธออ้อนวอนด้วยแววตาอันไร้เดียงสา
“ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่เส้นทางนี้ ถ้าคุณไม่ได้ตั้งจิตปรารถนา คุณจะเดินไปกับผมไม่ได้หรอก แม้ผมอยากจะนำคุณไปด้วยก็ตาม” ชายนักเดินทางตอบ
“อะไรกัน มันยากขนาดนั้นเชียวเหรอ ก็แค่นำฉันไปด้วย คิดว่าไปสวนสนุกด้วยกันก็ได้” เธอพูด
ชายนักเดินทางเริ่มลังเล การที่นำเธอไปด้วย มีผลกระทบทำให้การเดินทางของเขาต้องช้าลงอย่างแน่นอน แม้เขาบอกว่าไม่ใช่เป็นคนเห็นแก่ตัว แต่การที่ไม่บอกทางและไม่นำเธอไปด้วย มันยิ่งค้านต่อความรู้สึกเขาอย่างมาก

“ผมรักคุณ…ผมจะพาคุณไปด้วย” ชายนักเดินตอบตกลง ทำให้หญิงสาวกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

ชายนักเดินทางทราบดีว่า หญิงสาวคนรักนั้นยังมีประสบการณ์การเดินทางที่น้อยนัก เธอไม่มีความพร้อมในการเดินเลยสักนิด ที่เธออยากไปด้วยกับเขาก็แค่อยากสนุก เพราะคิดว่านิพพานคงเป็นสวนสนุกมากกว่า แต่เธอยังไม่ทราบว่าการเดินทางนั้นต้องฝ่าอุปสรรคอะไรบ้าง

ชายนักเดินเริ่มที่จะเล่าเส้นทางที่จะต้องผ่านในอนาคต เช่น ภูเขา แม่น้ำ ทะเล สัตว์ป่า ความร้อน พายุ ความหนาวเย็น ฯลฯ แววตาเธอเริ่มห่อเหี่ยวลง ความสนุกและไร้เดียงสาเริ่มหายไป กลายเป็นความงุนงงสงสัยในเส้นทางสู่นิพพาน ว่าคงไม่ใช่สวนสนุกอย่างที่คิดไว้ตอนแรก

“ทำไม การเดินทางถึงต้องลำบากขนาดนั้น” เธอถาม
“ทุกคนที่จะไปยังนิพพานต้องผ่านอุปสรรคเหล่านี้ให้ได้ คุณพร้อมจะไปแล้วใช่ไหม” ชายนักเดินทางถามเพื่อเป็นการยืนยัน

“ทำไมกัน…ที่แห่งนี้ที่เราอยู่นี้มันไม่มีความสุขหรืออย่างไร ทำไมต้องดั้นด้นไปหาที่ ๆ ยังไม่รู้จุดหมายอยู่ตรงไหน และเส้นทางก็อันตรายสารพัด อีกอย่างเราสองคนก็รัก การที่เราอยู่ด้วยกันที่นี่ มันจะต่างอะไรกับนิพพานที่เธออยากไปนักหนา…”เธอให้เหตุผล

ชายนักเดินทางเริ่มรู้สึกคล้อยตามเธอ
นั่นสินะ…
ถ้าหากนิพพานคือสุขที่เป็นนิรันดร์ การอยู่กับคนรักที่นี่มันก็เป็นสุขอย่างหนึ่ง งั้นเราจะต้องเดินทางไปดั้นด้นไปหานิพพาน ที่ไม่รู้จุดหมายปลายทางทำไมกัน สู้กินอยู่และใช้ชีวิตกับเธอที่นี่น่าจะดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รักแท้




    รักแท้   ++


1. ต้องมีความรู้สึกได้สัมผัส กับความสุขร่วมกับคน ๆ นั้น เมื่ออยู่ด้วยกันก็จะมีความสุขมาก ไม่เคยเบื่อที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ และเมื่อยามที่เขาห่างไกลไม่ได้เห็นหน้า ก็จะรู้สึกเหงา ๆ และคิดถึง ไม่ใช่พอเขาหันหลังให้ ก็กระโดดโลดเต้นดีใจ
2. ต้องให้ความเคารพนับถือคน ๆนั้น ถ้าจะรักใครสักคน แล้วตั้งหน้าดูถูกไม่เคยให้ความเคารพ ในความเป็นเขา แล้วคนอื่น ๆ จะเคารพคน ๆ นั้น ของเราได้อย่างไรและเราจะภูมิใจหรือ กับการที่ได้รักใคร่กับคนที่ใคร ๆ เขาดูถูก
3. ต้องรู้สึกว่าคน ๆ นั้นเป็นที่พึ่งได้ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในชีวิต ก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเพื่อคอยช่วยเหลือ
4. ต้องเชื่อมั่นว่าถ้ามีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน สัมพันธภาพก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะคนเราย่อมผิดพาดกันได้ ถ้ารู้จักอภัยกันมันก็อยู่กันทน
5. ต้องเข้าถึงความต้องการอารมณ์ และความรู้สึกของคน ๆ นั้นอย่างถ้ารู้ว่าชอบจะอยู่คนเดียวตามลำพังบ้าง ก็ควรเปิดโอกาสได้อยู่กับตัวเอง ด้วยความเต็มใจ
6. ต้องมีความรู้สึกต้องตาต้องใจในสรีระของคน ๆ นั้น ไม่ว่าจะต้องเสน่ห์ในความเป็นหญิงกำยำ หรือในความล้านจนขึ้นเงาวับบนหัวเขา มันก็มีส่วนในความรักเหมือนกัน
7. ต้องรู้สึกว่าเรา สามารถจะพูดคุยกับคน ๆ นั้นได้ทุกเรื่องอย่างเปิดอก สามารถที่จะขุดความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ขึ้นมาพูดได้ ไม่ใช่ต้องปิดบังความรู้สึกส่วนนั้นไว้ เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้ว เราจะอับอายหรือไม่ก็กลัวว่าเขาได้ยิน แล้วจะเดินหายไปจากชีวิต
8. ต้องรู้สึกว่าคน ๆ นั้นเป็นของมีค่าในมือ ถ้าไม่มีเขาสักคน ชีวิตของเราก็สูญของมีค่าไป
9. ต้องรู้สึกเต็มใจที่มีส่วนร่วมกับคนๆ นั้นในหลาย ๆ ด้าน เป็นต้นว่าความคิดอารมณ์ และเวลาแต่ไม่ใช่ร่วมกับเขาไปหมด จนเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง
10. ต้องรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอยากรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดี หรือเป็นสิ่งที่ทุกข์ ที่เรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะคนที่ต้องการแต่จะร่วมสุข นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ได้มีรักแท้กับคนๆนั้น
ลองนำไปสังเกตความรักของคุณดูก็ได้ ว่า...เป็นรักแท้แบบไหน.
+

ชีวิตคู่ที่ยาวนาน

ชีวิตคู่
เริ่มจากการหา...รักแท้...
ที่จริงแล้ว รักแท้นั้นมีอยู่ เพียงแต่คุณจะค้นพบหรือไม่เท่านั้น
รักแท้ต้องการบ่มเพาะฟูมฟักให้เจริญเติบโต.. เช่นเดียวกับต้นไม้
ดังนั้น เมื่อเกิดความรักแท้แล้ว และตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่กันนั้น...
จึงเป็นบทเริ่มต้นของบทสุดท้าย บทสุดท้ายของผลพวงที่บอกว่า "เรารักกัน"
...เราจึงจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
บทเริ่มต้นจากคำสัญญาว่า "เราจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน"
...เราจึงต้องรักกันเสมอและจะรักกันตลอดไป

ก่อนแต่งงาน...ผมรักคุณ
หลังจากแต่งงานแล้ว...
บางครั้งคำว่า " ผมรักคุณ " ก็ค่อยๆ หายไปจากปากของเขา

แต่คำว่า ฉันรักเธอ...กลับมาแทนที่ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป

คนจึงมักจะกล่าวว่า ผู้ชายรักง่ายหน่ายเร็ว
แต่ผู้หญิงรักยาก เมื่อรักจริงแล้ว จะคงความรักไว้ตลอดไป
ที่จริงผู้ชายก็ยังรักอยู่... แต่ไม่ค่อยยอมแสดงออกมาให้เห็น


หลังแต่งงาน...
ฉันรักเธอ (เธอยังรักฉันอยู่ไหม??)
เขาจึงมักมีคำพูดที่เป็นเคล็ดลับแรกในการใช้ชีวิตคู่ก็คือ
ถ้าคุณจะอยู่กับผู้ชายของคุณอย่างมีความสุขแล้ว
" ให้รักเขาให้น้อยๆ แต่เข้าใจเขาให้มากๆ "